1. ให้นักศึกษาอธิบาย คำว่า ศีลธรรม
จารีตประเพณี และกฎหมาย เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ศีลธรรม
คือกฎเกณฑ์ของความประพฤติ ความรู้สึกผิดชอบหรือความดีงามต่าง ๆที่ทำให้คนเราสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้โดยสงบสุข
แต่อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น เชื้อชาติ ศาสนา สภาพแวดล้อม ฯลฯ
ดังนั้นการบัญญัติกฎหมายจึงต้องใช้ศีลธรรมเป็นรากฐาน เพื่อให้เกิดความสงบสุขแก่สังคมให้มากที่สุดนั่นเอง
จารีตประเพณี
คือแบบแผนที่คนในสังคมยอมรับและถือปฏิบัติมาเป็นเวลาช้านาน
แต่ละสังคมก็มีจารีตประเพณีที่แตกต่างกันออกไป ตามแต่สภาพแวดล้อม ศาสนา เชื้อชาติ
ฯลฯ เช่นเดียวกับศีลธรรม การกระทำที่ฝ่าฝืนต่อจารีตประเพณี คนในสังคมนั้น ๆก็จะมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่สมควรกระทำ
จึงนำมาใช้เป็นรากฐานในการบัญญัติกฎหมาย เนื่องจากเป็นสิ่งที่คนในสังคมนั้น ๆยอมรับ
ตัวอย่างที่สำคัญก็คือกฎหมายในประเทศอังกฤษนั้น
ผู้พิพากษาจะใช้จารีตประเพณีมาพิจารณาพิพากษา ซึ่งคำพิพากษานั้นถือเป็นกฎหมาย
ส่วนประเทศอื่น ๆก็มีการนำจารีตประเพณีมาใช้เป็นรากฐานในการบัญญัติกฎหมายเช่นกัน
เช่นกฎหมายของประเทศไทยในเรื่องของการหมั้น การแบ่งมรดก ฯลฯ
กฎหมายมีความสัมพันธ์กับจารีตประเพณีหลายประการด้วยกัน ประการแรก
กฎหมายและจารีตประเพณีต่างก็เป็นกฎเกณฑ์ที่เป็นระเบียบของสังคมเหมือนกันมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้สังคมมีความสุข
แต่กฎหมายอาจจะมีลักษณะแตกต่างจากกฎเกณฑ์อื่นอยู่บ้างตรงที่กฎหมายมีโทษที่ค่อนข้างจะรุนแรงและเด็ดขาดกว่าสามารถนำมาใช้บังคับให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมได้ดีกว่า
นอกจากนั้นแล้วกฎหมายเป็นกฎเกณฑ์อาจจะไม่สามารถเกิดขึ้นมาเองได้เหมือนกับปรากฎการณ์ธรรมชาติ
เช่น ฝนตกแดดออกฟ้าร้องฟ้าผ่า
แต่กฎหมายมีจุดกำเนิดที่ช่วยหล่อหลอมให้กฎหมายกลายมาเป็นกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับอยู่ในสังคม
จุดกำเนิดหรือที่มาของกฎหมายเหล่านี้ก็คือศีลธรรม ศาสนา และจารีตประเพณี นั่นเอง
2. คำว่าศักดิ์ของกฎหมาย
คืออะไร มีการจัดอย่างไร โปรดยกตัวอย่าง รัฐธรรมนูญ คำสั่งคณะปฏิวัติ คำสั่งคสช. พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา พระราชบัญญัติ เทศบัญญัติ
พระบรมราชโองการ กฎกระทรวง
ศักดิ์ของกฎหมาย
เป็นการจัดลำดับแห่งค่าบังคับของกฎหมายหรืออาจกล่าวได้ว่าอาศัยอำนาจขององค์กรที่ใช้อำนาจจากองค์กรที่แตกต่างกัน
จากประเด็นดังกล่าว พอที่จะกล่าวต่อไปได้อีกว่า ในการจัดลำดับมีการจัดอย่างไร ซึ่งจะต้องอาศัยหลักว่า กฎหมายหรือ
บทบัญญัติใดของกฎหมายที่อยู่ในลำดับที่ต่ำกว่า
จะขัดหรือแย้งกับกฎหมายในลำดับที่สูงกว่าไม่ได้ และเราจะพิจารณาอย่างไร
โดยพิจารณาจากองค์กรที่มีอำนาจในการออกกฎหมาย
โดยใช้เหตุผลที่ว่า (1)
การออกกฎหมายโดยฝ่ายนิติบัญญัติ ควรจะเป็นกฎหมายเฉพาะที่สำคัญเป็นการกำหนดหลักการและนโยบายเท่านั้น เช่น
พระราชบัญญัติที่ออกโดยรัฐสภาซึ่งเป็นตัวแทนของปวงชน (2) การให้รัฐสภา เป็นการทุ่นเวลา
และทันต่อความต้องการและความจำเป็นของสังคม
(3)
ฝ่ายบริหารหรือองค์กรอื่นจะออกกฎหมายลูกจะต้องอยู่ในกรอบของหลักการและนโยบายในกฎหมายหลักฉบับนั้น
ตัวอย่างเช่น พระราชกฤษฎีกา คือ
บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นโดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ
พระราชบัญญัติ หรือพระราชกำหนด เพื่อใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน
โดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี มีศักดิ์ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมาย
และพระราชกำหนด การตราพระราชกฤษฎีกา
รัฐมนตรีซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องจะอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ หรือพระราชกำหนดนั้น
ๆ เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาต่อคณะรัฐมนตรีให้พิจารณา โดยร่างพระราชกฤษฎีกานั้น
จะต้องไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ หรือพระราชกำหนดที่เกี่ยวข้อง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว
จะต้องนำร่างพระราชกฤษฎีกา ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระมหากษัตริย์เพื่อทรงตราพระราชกฤษฎีกานั้น
ๆ นายกรัฐมนตรี
จะเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการจากนั้นจึงนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา
บังคับใช้ต่อไป
ลำดับศักดิ์ของกฎหมาย
1. รัฐธรรมนูญ คำสั่งคณะปฏิวัติ คำสั่งคสช.
2. พระราชบัญญัติ
3. พระราชกำหนด
4. พระบรมราชโองการ กฎกระทรวง
5. พระราชกฤษฎีกา
6. กฎกระทรวง
7. เทศบัญญัติ
3. แชร์กันสนั่น
ครูโหดทุบหลังเด็กซ้ำ เหตุอ่านหนังสือไม่ได้
ตามรายงานระบุว่า
ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "กวดวิชา เตรียมทหาร" ได้แชร์ภาพและข้อความที่เกิดขึ้นกับเด็กชายคนหนึ่ง
ภาพดังกล่าวเผยให้เห็นสภาพแผ่นหลังของเด็กที่มีรอยแดงช้ำ
โดยเจ้าของภาพได้โพสต์ไว้ว่า
"วันนี้...ลูกชายวัย 6 ขวบ อยู่ชั้น ป.1 ถูกครูที่โรงเรียนตีหลังมา
สภาพแย่มาก..(เหตุผลเพราะอ่านหนังสือไม่ค่อยได้) ซึ่งคนเป็นแม่อย่างเรา
เห็นแล้วรับไม่ได้เลย มันเจ็บปวดมาก...มากจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
น้ำตาแห่งความเสียใจมันไหลไม่หยุด ถ้าเลือกได้ก็อยากจะเจ็บแทนลูกซะเอง
พาลูกไปหาหมอ หมอบอกว่า แผลที่ร่างกายเด็กรักษาหายได้
แต่แผลที่จิตใจเด็กที่ถูกทำร้าย โดนครูทำแบบนี้ มันยากที่จะหาย บาดแผลนี้มันจะติดที่..หัวใจ..ของน้องตลอดไป" จากข้อความดังกล่าวในฐานะนักศึกษาเรียนวิชากฎหมายการศึกษาคิดอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
ซึ่งทุกคนจะต้องไปเป็นครูในอนาคตอันใกล้นี้ ให้อภิปรายแสดงความคิดเห็นปรากฏการดังกล่าวนี้
ปัจจุบันเกิดเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงระหว่างครูกับนักเรียนมากขึ้นทุกวัน
สาเหตุที่ครูใช้ความรุนแรง คือปัญหาอารมณ์จิตใจ
ขาดทักษะการแก้ปัญหา อำนาจนิยมศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก วิเคราะห์สาเหตุที่ครูทำโทษด้วยความรุนแรง
มี 2 สาเหตุ
สาเหตุแรกครูผิดปกติด้านจิตใจและอารมณ์เมื่อเกิดความเครียดอาจระบายอารมณ์กับเด็กด้วยการตี
หรือต่อว่า
สาเหตุที่สองครูขาดทักษะการจัดการปัญหาเด็กครูจำนวนมากยังเชื่อว่าการลงโทษด้วยการตีเป็นวิธีที่ได้ผล
นอกจากนี้ มีความคิดเห็นจากผู้ที่ทำงานด้านเด็ก มองว่า
โรงเรียนส่วนใหญ่มีโครงสร้างแบบอำนาจนิยม
ส่งผลให้ครูจำนวนมากมีพฤติกรรมใช้อำนาจกับเด็ก
ประกอบกับการเรียนการสอนเป็นการสื่อสารทางเดียว
จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ครูขาดทักษะการฟัง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเข้าใจผู้เรียน
การแก้ปัญหาและป้องกันการใช้ความรุนแรงในสถานศึกษา
พัฒนา
ทดสอบ ความรู้ด้านจิตวิทยาและทักษะอารมณ์ ครูส่วนใหญ่มักลงโทษเด็กด้วยการตีหรือการดุด่า
เพราะรับรู้วิธีนี้มาตั้งแต่เป็นนักเรียน ดังนั้น ศธ. ควรปรับปรุงการพัฒนาครู
โดยเพิ่มเติมในเรื่องจิตวิทยาและทักษะอารมณ์ ตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาครูก่อนประกอบวิชาชีพครู
นักศึกษาควรได้รับการทดสอบความรู้จิตวิทยาและทักษะทางอารมณ์
หากใครไม่ผ่านจะไม่สามารถไปประกอบวิชาชีพครู และเมื่อมาเป็นครูประจำการ
ควรมีการทดสอบและประเมินผลสภาพจิตใจและอารมณ์เป็นระยะ นอกจากนี้
ควรมีการสำรวจปัญหาที่เกิดขึ้นกับครู ซึ่งอาจส่งผลต่ออารมณ์ของครู
เพื่อหาแนวทางแก้ไขและป้องกันไม่ให้ครูระบายอารมณ์กับนักเรียนเมื่อเกิดความเครียด
ร่วมมือกับนักจิตวิทยาแก้ปัญหาและป้องกันใช้ความรุนแรงสถานศึกษาร่วมมือกับนักจิตวิทยา เพื่ออบรมครูแนะแนว ครูประจำชั้น และครูฝ่ายปกครอง
ให้เข้าใจสภาพของผู้เรียน รวมถึงวิธีการแก้ปัญหาและการลงโทษที่ถูกต้องเหมาะสม
พัฒนาระบบการลงโทษในสถานศึกษาที่ได้มาตรฐาน สถานศึกษาควรมีระบบการลงโทษผู้เรียนที่ได้มาตรฐานและยุติธรรม
โดยไม่ควรให้ครูคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ตัดสินลงโทษนักเรียน
แต่ควรมีหลายฝ่ายเข้าร่วมพิจารณา เช่น ผู้ปกครอง ครูประจำชั้น ครูแนะแนว
เพื่อนสนิท นักจิตวิทยาในพื้นที่ ฯลฯ
โดยปรับภาพลักษณ์ของครูฝ่ายปกครองที่มีความเอื้ออาทร พึ่งได้ และมีความยุติธรรม
แม้ว่าปัญหาเรื่องการทำร้ายร่างกายการใช้ความรุนแรงระหว่างครูกับนักเรียนจะไม่มีวันหมดไปจากสังคมไทย
แต่ในฐานะที่เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะต้องไปเป็นครูในอนาคต
จึงมีหน้าที่ในการช่วยดูแลนักเรียนอย่างเต็มความสามารถ เราไม่ควรปล่อยให้อารมณ์เข้ามามีผลกระทบกับจิตใจมากจนเกินไป
เพราะเด็ก ๆ
เหล่านั้นล้วนเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยและเป็นอนาคตที่เราควรช่วยดูแลให้เขาเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ
4. ให้นักศึกษา สวอท.ตัวนักศึกษาว่าเราเป็นอย่างไร
จุดแข็ง (S)
1.
มองโลกในแง่ดี
2.
มีความอดทนค่อนข้างสูง
3.
ติดตามข่าวสาร
เหตุการณ์ปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง
4.
มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการทำงาน
5.
ชอบคิด
ชอบวางแผน
จุดอ่อน (w)
1.ยึดติดในความคิดของตัวเองมากเกินไป
2.ขี้เกียจ
และ ผัดวันประกันพรุ่ง
3.
ไม่ค่อยมีความกล้าแสดงออก
4.ไม่อ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอ
โอกาส (o)
1.สามารถนำทฤษฎีที่เรียนมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้
2.ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ
ในการแปล และศัพท์ใหม่ๆ
อุปสรรค (T)
1.ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจบทเรียนเป็นเวลานาน
ทำให้ไม่ทันเพื่อน
2. บรรยากาศมหาวิทยาลัยไม่เอื้อต่อการพัฒนาตนเองเท่าที่ควร
5. ให้นักศึกษาวิจารณ์อาจารย์ผู้สอนวิชานี้ในประเด็นการสอนเป็นอย่างไร
บอกเหตุผล มีข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีในการเรียนการสอนวิชานี้อาจารย์ได้เปิดโอกาสในการเรียนรู้ที่เป็นอิสระ
ทำให้สามารถกลับไปศึกษาเรียนรู้ได้ตลอดเวลา
ได้ศึกษาจากแหล่งข้อมูลที่อาจารย์นำมารวบรวมไว้ในบล็อกเกอร์
และในการศึกษาในแต่ละบทนั้นมีคำถามทบทวนบทเรียน เพื่อทดสอบความเข้าใจอีกด้วย และชอบที่อาจารย์ให้คำแนะนำดี
ทั้งในเรื่องของการใช้ชีวิต การวางตัว บทบาทหน้าที่ต่าง ๆที่เราควรทำเมื่อยู่ในโรงเรียน
ซึ่งเป็นประโยชน์มาก ๆในอนาคต
ข้อเสียคือในบางครั้งที่ตอบคำถามทบทวนบทเรียนไม่ทราบว่าที่ได้ตอบไปนั้นเราเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า
จึงอยากให้อาจารย์ได้มาอธิบายเนื้อหาเพิ่มเติมในชั้นเรียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น